วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วิธีฝึกการพูดของ ลินคอล์น


วิธีฝึกการพูดของ ลินคอล์น

โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก


                ลินคอล์น มีชื่อเต็มๆว่า อับราฮัม ลินคอล์น ซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐ อีกทั้งได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำระดับโลกคนหนึ่ง ลินคอล์น ไต่เต้าจากเด็กที่ยากจนคนหนึ่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ด้วยวิถีทางที่สะอาดบริสุทธิ์ การเลิกทาสในอเมริกาคือผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาฝากไว้ให้แก่โลกใบนี้

                ด้านการพูด ลินคอล์น เป็นนักพูดที่มีจุดเด่นอยู่หลายอย่าง เช่น การใช้อารมณ์ขันในการพูด การใช้ถ้อยคำภาษาที่ไพเราะกินใจ การพูดสุนทรพจน์ที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้คน สุนทรพจน์ที่โลกยกย่องว่าดีที่สุดของลินคอล์น ได้แก่ สุนทรพจน์ที่เก็ตติสเบอร์ก

                สุนทรพจน์ที่เก็ตติสเบอร์ก เป็นการกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในพิธีฉลองสุสานแห่งเมืองเก็ตติสเบอร์ก ที่ที่ซึ่งเป็นสถานที่ในการทำสงครามกลางเมืองครั้งสำคัญในอดีตของสหรัฐ อีกทั้งสุนทรพจน์นี้มีความสั้นมากมีเพียงแค่ 10 ประโยค แต่มีความไพเราะ มีวรรคทอง มีชีวิต จนกระทั้ง มหาวิทยาลัย อ็อกฟอร์ด ต้องนำไปติดที่ผนังของมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นตัวอย่างว่าเป็นสุนทรพจน์ที่มีความไพเราะที่สุดสุนทรพจน์หนึ่งของโลก ซึ่งวรรคทองที่มีการปรับและประยุกต์ใช้ กล่าวอ้างกันอย่างแพร่หลายก็คือ การปกครองแบบประชาธิปไตยคือการปกครองของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน

                วิธีการฝึกการพูดของ ลินคอล์น ลินคอล์น มักจะอ่านหนังสือออกเสียงที่ดังตลอดเวลา เพราะการอ่านหนังสือออกเสียง เป็นการฝึกการใช้เสียง การฝึกความชัดเจนของภาษา การฝึกพลังเสียง อีกทั้งยังทำให้เกิดความทรงจำที่ดีสำหรับเขาอีกด้วย

                เขามักจะสะสม ภาษา ถ้อยคำ คำคม สุภาษิต ต่างๆ เพื่อนำเอาไปใช้ในการพูด โดยวิธีการบันทึก สิ่งต่างๆที่จะนำเอาไปใช้ในการพูดอยู่ตลอดเวลา หากมีเวลา โดยเฉพาะในระหว่างเดินทางไปเมืองต่างๆ โดยม้า เขามักจะมีการฝึกการพูดบนหลังม้าอยู่เป็นประจำ

                เขาเป็นคนที่มีความพยายาม ทำอะไรไม่ทอดทิ้ง การฝึกการพูดก็เช่นกัน เขามักจะมีการฝึกการพูดโดยหาเวทีต่างๆ ในสมัยที่ทำงานรับจ้าง ช่วงพักกลางวัน เขามักจะเล่าเรื่องสนุกๆ ให้แก่บรรดาเพื่อนร่วมงานฟัง ทำให้เกิดความสนุกสนาน ผ่อนคลาย แต่นายจ้างมักจะไม่ค่อยชอบใจนัก ซึ่งเรื่องเล่าขำขันของเขามักนำมาจากหนังสือเช่น หนังสือ คำตลกคะนองของควิน เขาจะพยายามท่องจำจนขึ้นใจ แล้วนำมาเล่า

                การใช้อารมณ์ขันในการพูด จึงเป็นเครื่องมือที่ทำให้เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งทางการเมืองได้อย่างรวดเร็ว เพราะการพูดโดยการใช้อารมณ์ขันมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นกันเอง ช่วยให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดเกิดการผ่อนคลาย ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี ช่วยให้มีเพื่อนมากขึ้น

                การหาเสียงทางการเมือง ลินคอล์นได้สร้างความสำเร็จโดยการใช้อารมณ์ขันให้แก่พรรคการเมืองของเขาจนประสบความสำเร็จ เมื่อลินคอล์น เข้าสู่วงการทางการเมือง เขาก็มีความเจริญเติบโต ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ในการแข่งขันทางการเมืองย่อมมีการโจมตีกัน กล่าวหากัน พรรคการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม มักจะโจมตีพรรคที่เขาสังกัด พรรควิก(ปัจจุบันเป็นพรรคริปับลิกัน) ว่าเป็นพรรคของผู้ดี ชอบแต่งตัวหรูโอ่อ่า

                ซึ่ง ลินคอล์น ก็ใช้อารมณ์ขันที่เขาถนัดตอบโต้คู่แข่งขันทางการเมืองด้วยอารมณ์ขันและคำพูดที่แหลมคมว่า

                “ ข้าพเจ้ามาสู่รัฐอิลลินอยส์ใน ฐานะเด็กยากจนที่ไร้การศึกษา เป็นคนแปลกหน้า ไม่มีมิตรสหาย และเริ่มทำงานในเรือท้องแบนด้วยค่าจ้างเดือนละแปดเหรียญ และข้าพเจ้ามีกางเกงชนิดขาแคบอยู่เพียงตัวเดียวเท่านั้น กางเกงซึ่งทำด้วยหนังกวาง เมื่อเจ้าหนังกวางเปียกน้ำแล้วถูกแดดแห้งมันจะทำการหดตัว ซึ่งเจ้ากางเกงหนังกวางนี้จะหดจนกระทั่งปลายขากางเกง อยู่ห่างกับปลายถุงเท้า หลายนิ้ว ปล่อยให้ขาส่วนนั้นไม่มีสิ่งใดปกปิด ครั้งเมื่อลำตัวของข้าพเจ้าสูงขึ้น ความเปียก ความแห้งนี่เอง ทำให้ขากางเกงสั้นเข้าและรัดขา ข้าพเจ้าแน่นเข้าทุกที จนกระทั่งทิ้งรอยช้ำเขียวไว้ที่ขาข้าพเจ้าตราบเท่าทุกวันนี้ นี่แหละท่าน ถ้าท่านเรียกการแต่งตัวเช่นนี้ว่าเป็นการหรูโอ่อ่า เป็นพวกผู้ดี ข้าพเจ้าจำต้องเรียกการกล่าวหานั้นว่าเป็นความผิดอย่างอุกฤษฏ์” (ท่านสามารถหาอ่านได้จากหนังสือ ลินคอล์น มหาบุรุษ ของอาษา ขอจิตเมตต์ ได้เพิ่มเติม)

                เมื่อผู้ฟังได้ฟังแล้ว ก็ต่างกันร้องตะโกน เป่าปาก ด้วยความพึงพอใจ หัวเราะสนุกสนาน กับการหาเสียงในครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง

                ฉะนั้น กระผมขอสรุปวิธีฝึกการพูดของ ลินคอล์น สั้นๆดังนี้ ลินคอล์น มีการฝึกการพูดด้วยตนเอง อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าอยู่บนหลังม้าขณะเดินทางไปต่างเมือง ลินคอล์น ชอบสะสม คำคม ข้อมูลต่างๆที่ใช้ในการพูด และหากมีเวลา เขาจะคิดวรรคทองของเขาเอง ลินคอล์น ชอบอ่านหนังสือเสียงดัง เพราะเป็นการฝึกการใช้น้ำเสียง ฝึกใช้พลังเสียง ฝึกความเคยชินในการออกเสียง ลินคอล์น พยายามหาเวทีพูดให้แก่ตนเอง ตลอดเวลา เช่น พูดเล่าเรื่องสนุกๆให้แก่เพื่อนร่วมงานเวลาพักกลางวัน , พูดเล่าเรื่องสนุกๆให้แก่นายเจ้าและเพื่อนร่วมงานในชีวิตการเป็นลูกจ้างในการเดินเรือซึ่งต้องอยู่กลางทะเลเป็นเวลานานๆ  ลินคอล์น ฝึกไหวพริบปฏิภาณในการใช้อารมณ์ขันในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในการพูด เป็นต้น

 

                               

 

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ก้าวสู่นักพูดมืออาชีพ


ก้าวสู่นักพูดมืออาชีพ

โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


                การเป็นนักพูดมืออาชีพ เป็นความปรารถนาของบรรดาผู้รักความก้าวหน้าในสาขา วิชาอาชีพต่างๆที่ต้องการที่จะเป็น เพราะในการทำงานผู้รักความก้าวหน้าในอาชีพต่างๆจำเป็นจะต้องใช้คำพูด ยิ่งหากบุคคลนั้นเป็นผู้นำ เป็นผู้บริหาร เป็นนักการเมือง เป็นนักพัฒนา เป็นนักวิชาการ เป็นอาจารย์ เป็นวิทยากร ฯลฯ ก็ยิ่งมีความจำเป็นที่จะต้องใช้คำพูดให้เกิดประโยชน์กับตนเอง ประเทศชาติและสังคม

                หากท่านต้องการเป็นนักพูดมืออาชีพ ท่านมีความจำเป็นจะต้องเริ่มต้นฝึกฝนตนเอง อีกทั้งควรตั้งเป้าหมายว่า ท่านจะเป็นนักพูดอาชีพประเภทไหน เช่น เป็นนักพูดทางการเมือง , เป็นนักพูดประเภทวิทยากร , เป็นนักพูดประเภททอล์คโชว์ , เป็นนักพูดประเภทโน้มน้าวใจคน  ฯลฯ

                การตั้งเป้าหมายในการเป็นนักพูดประเภทต่างๆ จึงเป็นตัวกำหนดทิศทางในการขับเคลื่อนการฝึกการพูดของบุคคลนั้นๆ เพราะการฝึกการพูดในแต่ละประเภทจะไม่เหมือนกัน บางคนพูดทอล์คโชว์ได้ดีแต่พูดทางการเมืองไม่ประสบความสำเร็จ ฉะนั้น หากเราต้องการเป็นนักพูดทางการเมือง เราก็ควรหาแบบอย่าง ตัวอย่าง นักพูดทางการเมืองหลายๆท่าน ที่ประสบความสำเร็จแล้วเลียบแบบ ว่าเขาใช้น้ำเสียงอย่างไร เขาใช้ถ้อยคำอย่างไร เขามีการหยุดเน้นย้ำอย่างไร เขามีการใช้อารมณ์อย่างไรในการพูด เขามีท่าทางอย่างไรในการพูดทางการเมือง ฯลฯ ก็จะทำให้เราสามารถฝึกทักษะต่างๆได้ ตรงกับความต้องการของเราในการเป็นนักพูดประเภทนั้น

                เมื่อเรากำหนดเป้าหมายทิศทางความต้องการของเราแล้ว ต่อไปเราต้องมีความมุ่งมั่นความปรารถนาในการที่จะเป็นสิ่งนั้น อีกทั้งต้องหมั่นฝึกฝนอย่างจริงจัง โดยไม่ต้องไปกังวลว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ได้

ดังคำพูดของ ศาสตราจารย์ วิลเลี่ยม เจมส์ นักจิตวิทยาผู้ยิ่งใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ค เคยกล่าวไว้ว่า “ เราไม่จำเป็นจะต้องไปกังวลอะไรมากมายกับผลของการฝึกของเรา ขอให้เราฝึกไปเรียนไปอย่าได้อย่าหยุดยั้ง แล้วสักวันหนึ่งเราจะพบว่า เราไม่เป็นรองใครเลยในยุทธจักรหรือในวงการนั้นๆ บุคคลที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ไม่ว่าชาติใดๆ ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าคนธรรมดา นอกเสียจากการเอาจริงเอาจังกับสิ่งที่เขาต้องการ และไม่เคยท้อถอยเท่านั้นเอง”

                ฉะนั้น จงตั้งเป้าหมายว่าท่านอยากเป็นนักพูดมืออาชีพประเภทไหน แล้วตั้งใจฝึกฝนอย่าได้ท้อถอย แล้วสักวันหนึ่งท่านจะพบว่าท่านเป็นนักพูดมืออาชีพนั้นๆได้ ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับความคิดของท่านด้วยว่าท่านคิดใหญ่หรือคิดเล็ก เช่น ท่านต้องการเป็นนักพูดทางการเมืองระดับจังหวัด ท่านก็อาจจะต้องฝึกฝน พัฒนาตนเอง น้อยกว่าการเป็นนักพูดการเมืองระดับชาติหรือระดับโลก แต่ตรงกันข้ามหากว่าท่านอยากเป็นนักพูดระดับชาติหรือระดับโลก ท่านคงต้องทุ่มเทพลังให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลา การศึกษาหาความรู้ การฝึกซ้อมการพูด การปรับปรุงตนเอง เป็นต้น

                อย่ายอมแพ้ หากว่าไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่ นักพูดประเภทต่างๆระดับโลก กว่าที่จะประสบความสำเร็จของต้องทุ่มเท ลำบาก ผิดหวัง กับสิ่งต่างๆมาอย่างมากมาย ดังนั้นท่านอย่าได้ท้อแท้ใจ

-                   อับราฮัม ลินคอล์น เข้าโรงเรียนเรียนหนังสือในระบบไม่เกิน 1 ปี แต่ก็สามารถเป็นนักพูดทางการเมืองระดับโลก

-                   ฮิตเลอร์ ผู้นำเยอรมัน ไม่ได้เกิดมาในตระกูลร่ำรวย แต่ก็สามารถใช้คำพูดจนกระทั่งได้เป็นผู้นำของชาวเยอรมัน

-                   เดล คาร์เนกี้ ปรมาจารย์สอนการพูดที่เป็นระบบคนแรกๆของโลก เกิดมาก็ไม่ได้พูดเก่งอะไร ตรงกันข้าม เขากับล้มเหลวในการพูดในช่วงแรกๆ แต่ก็ด้วยความไม่ยอมแพ้ ฝึกฝนอย่างหนักในที่สุด เขาเป็นนักพูดและก็สอนการพูดให้กับคนทั่วโลก

ฉะนั้น หากท่านมีความปรารถนาอย่างแท้จริง ในการเป็นนักพูดมืออาชีพ ท่านสามารถเป็นได้อย่างแน่นอน โดยการวางเป้าหมาย การฝึกฝนเดินทางเพื่อไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ อย่าได้ลดละความพยายาม